รีวิวอาหารฮาลาลในญี่ปุ่น Halal food and Muslim friendly food (in Japan) EP.01 By คุณนายติ่ง (ITADAKIMASU)
Itakimasu~~~~
ฮัลโล่วววว สลามค่ะทุกคน วันหยุด หยุดงานของประเทศKLแห่งมาเลเซียเนื่องจากตรุษจีน คือ คือ คือ หยุด4วันรวดจร้าาาาาา แต่ แต่ แต่ อารีนาคนนี้โดนยึดพาสปอร์ตเอาไปทำวีซ่านะซิไปไหนไม่ได้ค่ะ กลับไทยยังไม่ได้เบย งือออ T^T เค้าบอกว่าตามห้างคนก็เยอะ บัยยยย อยู่คอนโดนนอนอืดนี่แหล่ะสิ่งที่อารีนาคู่ควร ด้วยความที่ว่างมากกก ซีรี่ย์เกาหลีก็ดูหมดแระ หนังสือก็ขี้เกียจอ่าน เปิดเฟสก็มีแต่คนไปเที่ยว หึ! อิจฉา เพราะฉะนั้นเลยถือโอกาสนี้รีวิวอาหาร Halal foods and Muslim friendly foods ที่ญี่ปุ่นกันดีกว่า คิคิ รีวิวครั้งนี้ก็จะรีวิวสไตล์คุณนายติ่งนะคะ ใช้ความรู้สึกตัวเองเป็นหลัก ไม่มีหลักการใดๆทั้งสิ้น
ย้อนไปเมื่อ Summer ปี 2014 หลังจากเรียนจบก็ขออนุญาตคุณแม่ไปเที่ยวญี่ปุ่นกันสองคนพี่น้องกับคุณรันพร้อมขอเงินก้อนนึงลากกระเป๋าใบโตกันสวยๆสิบเอ็ดวัน... ทริปนี้คุณรันเตรียมข้อมูลทุกอย่าง ส่วนดั้นหาแต่ร้านกินเท่านั้นค่ะ โห๊ะๆ อ่อ หาโรงแรมด้วยนิดหน่อย ^^
เราหาข้อมูลเรื่องอาหารแบบแน่นมากกกกก เลยได้รู้ว่าคนอินโด+มาเลย์อยู่ญี่ปุ่นค่อนข้างเยอะเลยแหะ โดยทั่วไปก็หาข้อมูลจากพวกสื่อนอกอ่ะ เพราะของไทยก็มีแต่ร้านหมู เบียร์ เนื้อ... ขุดสกิล Bahasa กันเลยทีเดียว และที่สำคัญคือกลุ่ม "Hararu-ハラール (ผลิตภัณฑ์ฮะลาลในญี่ปุ่น)" ในเฟส โคตร useful เลยค่ะ พวกขนมและของกินต่างๆตามร้าน convenience store อย่าง 7-11เอย family martเอย แล้วอีกเยอะแยะ นี่คือปริ้นรูปขนมเกือบรีมนึงเลยนะ ฮ่าๆ แต่หลังจากกลับครั้งนั้นเขาก็ทำหนังสือออกมา โถ่วววว (ตอนเขาออกมาก็รีบซื้อเนอะ เผื่อเอาไว้ใช้รอบหน้า และก็มีรอบถัดมาจริงๆ)
สภาพค่อนข้างแย่เพราะใช้หนักมาก |
วันแรกเราอยู่ในย่าน Shinsaibashi เนื่องจากจองโรงแรมไว้แถวนั้น เดินๆเรื่อยๆ หิวมากกก นอยด์ด้วย แล้วก็เจอร้านตุรกีเล็กๆ โมเม้นนั้นคืออึ้งมากกก วิ่งเข้าหาเลยค่ะ ฮ่าๆ
เราได้ shawarma ไก่มาแบบฟินๆและไอติมมาโคนนึง ถ้าใครเคยเห็นลีลาไอติมตุรกีคงนึกออก ร้านนี้ก็ลีลาเช่นนั้นล่ะค่ะ อร่อยด้วย พ่อค้าใจดี เค้าเห็นเป็นมุสลิมสวมฮีญาบยิ่งชวนคุย คือนางก็คุยญี่ปุ่น ส่วนเรากับคุนรันก็อิ้ง+ไทย เออ คุยกันรู้เรื่องเนอะ ฮ่าๆ ส่วนพิกัตร้านนี้ไม่รู้อ่ะ อย่างทีบอกคือเดินหลงแล้วก็เจอ ฮ่าๆ
เมนูปูจากร้าน Kani Doraku ย่าน Dotonbori, Osaka
ร้านสังเกตุง่ายมากกกก อยู่หัวมุมเลยค่ะ ใจจริงไม่ได้อยากกินหรอก แต่น้องปูทำหน้าแป้นรอต้อนรับอยู่ คือเราก็เกรงใจไงแก โอเคๆ เข้าไปกินก็ได้ ฮ่าๆ เมนูก็เยอะแยะนะ หลากหลายความเป็นปู
แต่ก็เลือกอันที่เซฟที่สุดเนอะ อย่างพวกย่างๆทอดๆดูอันที่คงไม่มีวัตถุดิบพวก non halal ไรเนี้ยอ่ะแก เพราะเท่าที่ดูเมนูแล้วเค้าก็ไม่มีเมนูอื่นนอกจากปูอ่ะ ซึ่งในส่วนนี้แล้วแต่วิจารณญาณของแต่ละคนโน๊ะ ^^
ทั้งหมดที่สั่งมาคือดีงามมากกกกก อร่อยเชี่ยๆ ตอนแรกสั่งมานิดหน่อย กินๆไปก็มีสั่งเพิ่มจร้าาาาา ติดใจแต่ไม่เงินก็ไม่ติดกระเป๋านะ ฮ่าๆ
ย้ายฝั่งมาโตเกียวบ้าง ชื่อร้าน Rose Cafe, Kyoto
ร้านอยู่ใกล้กับมัสยิดในเกียวโตเลยค่ะ เดินทางมาง่ายมาก ลงรถไฟ ต่อบัส นับๆสถานีเอา และอีกเช่นเคย หลงค่ะ หาร้านไม่เจอ แต่เจออาการร้านทิ่มตาอีกแล้วววววว คือเราก็ลงบัส เดินทางๆๆๆ ข้ามถนน เดินๆ เดินไปยังบัสป้ายถัดไปอ่ะ แล้วก็ย้อนกลับ อ้าววววหอย!! ร้านอยู่ตรงที่ลงบัสอ่ะแหล่ะ แค่ข้ามถนน ฉลาดดดดด เข้าไปในร้านพนักงานหล่อมากกกกกกกก กรี้ดดดด พ่อค้าแซ่บมากค่ะ อยากสั่ง take away ห่อกลับไทย ฮ่าๆ เมนูก็ออกแนวอาหรับหน่อยๆอ่ะ ฟิวชั่นญี่ปุ่นด้วยมั้ง ร้านเป็นHalal 100% เราสั่งเป็นเมนูปลากับไก่ รสชาติโอเคแหล่ะ กินได้ สำหรับเราเราว่าทั่วๆไป แต่ทีเด็ดคืออิ่มกันแระ จะออกไปละหมาดต่อแต่มองพนักงานแล้วเอ็นดูเลยสั่งของหวานเพิ่ม (อีแรด!!!) ขนมหวานมีให้เลือกเยอะประมานนึง นี่จำไม่ได้แล้วว่าเป็นขนมแนวไหน แต่เราสั่งมา2อย่าง เป็นสีดำกับสีขาว สีดำออกแนวพานาคอตต้า ช็อคโกแลต มีกลิ่นอายอาหรับๆหน่อย ก็เฉยๆ แต่สีขาวนี้นึกไม่ออกว่าคืออะไร อารมณ์แบบมีข้าว ปึกๆ หนึบๆ รสชาติอ่อนๆ แปลกๆดี แต่อร่อย พนักงานก็อร่อย ฮ่าๆ สรุปร้านนี้คือพนักงานดีมาก
ร้าน Taxim, Nagoya
ร้านนี้เป็นร้านอาหารตือกิช+อิตาเลี่ยน. เราจะบ่นการหาร้านกันก่อน คือจริงๆที่ไปนาโกย่าเพราะคุณรันจะไปตามรอย AKB48 แปบนึงแล้วก็ไปกินร้านนี้อ่ะแก และก็เดินเล่นใต้ดิน ลงทุนมากอ่ะ Orz ฮ่าๆ นี่ก็กินหาร้านแบบแทบพลิกแผ่นดินนาโกย่าหาเลยอ่ะ คือเดินไกลมากกกก อ้อมโลกมาก เหนื่อยมากกก สุดท้ายมันอยู่ต้นซอยที่เราควรจะเข้าไปแต่เราเอิดเดินผ่านไปอีกซอยนึงแล้วก็เดินซอยนั้นจากต้นซอยไปท้ายซอยและเข้าท้ายซอยของร้านอาหารต่อด้วยเดินๆๆๆๆๆๆ เจอแล้ว!! โห้...น้ำตาไหล เอา10นาทีของกูคืนมา!!!
พอเข้าไปร้านร้าน โอ้โห้..... O.o เหมือนในหนังญี่ปุ่นเลยอ่ะ แบบเหมือนนางเอกนัดกินอาหารในร้านอิตาเลี่ยนไรเงี้ยอ่ะแก หรูอลังใช้ได้เลยอ่ะ นางมีเตาอบแบบใช้ฟืนด้วยอ่ะแก คือดีงามมากกก ในร้านตกแต่งดีอ่ะ ที่นั่งจะมีเป็นโซนเคาเตอร์บาร์และโต๊ะปกติ เจ้าของร้านก็เชิญเราไปนั่งตรงเคาเตอร์บาร์เพื่อให้ดูนางพิซซ่าและปิ้งหน้าเตา คือเจ้าของน่ารักมากกก เราพูดได้หลายภาษายกเว้นอังกฤษ แล้วคือเมนูก็เป็นภาษาญี่ปุ่นกับอิตาลี(มั้ง ถ้าจำไม่ผิด) เออ ก็คุยกันไม่รู้เรื่องอ่ะ แต่เค้าก็พยายามจะสื่อสารนะ มีแบบอธิบายเมนูแต่ละอย่างแล้วก็โชว์วัตถุดิบให้ดู น่าร้ากกกกกก แล้วคือก็ให้เออออไปช่ะแก ผชคือ... กินไม่หมด ฮ่าๆ
กลับสู่ความASEAN มื้อนี้กินอาหารอินโดกันบ้าง รสชาติถูกปากมาก ใกล้เคียงอาหารไทยสุดๆ ไม่มีอะไรจะบ่นเรื่องอาหาร ฮ่าๆ ส่วนอย่างอื่นนี่เยอะะะะ ร้านก็ออกแล้วชวาๆอ่ะแก เออ แล้วชวานี่เป็นไงวะ? ฮ่าๆ ร้านมีโซนนั่งพื้นกับนั่งเคาเตอร์บาร์ ตรงนั่งพื้นนี้ชิคดี เป็นโต๊ะแล้วก็มีหมอนเยอะๆ อธิบายไม่ถูกไม่ได้ถ่ายรูปไว้ เปิดกูเกิ้ลเอาแระกันนะ ฮ่าๆ
ปล.ร้านเค้าก็เสริฟเหล้าเสริฟเบียร์สำหรับลูกค้านะ คือส่วนใหญ่เป็นปกติของร้านในญี่ปุ่นอะเพราะคนญี่ปุ่นกินเหล้าอะนะ เค้าก็ขายตามความต้องการของลูกค้า... #วัลลอฮุอะลัม
ร้านสังเกตุง่ายมากกกก อยู่หัวมุมเลยค่ะ ใจจริงไม่ได้อยากกินหรอก แต่น้องปูทำหน้าแป้นรอต้อนรับอยู่ คือเราก็เกรงใจไงแก โอเคๆ เข้าไปกินก็ได้ ฮ่าๆ เมนูก็เยอะแยะนะ หลากหลายความเป็นปู
แต่ก็เลือกอันที่เซฟที่สุดเนอะ อย่างพวกย่างๆทอดๆดูอันที่คงไม่มีวัตถุดิบพวก non halal ไรเนี้ยอ่ะแก เพราะเท่าที่ดูเมนูแล้วเค้าก็ไม่มีเมนูอื่นนอกจากปูอ่ะ ซึ่งในส่วนนี้แล้วแต่วิจารณญาณของแต่ละคนโน๊ะ ^^
ทั้งหมดที่สั่งมาคือดีงามมากกกกก อร่อยเชี่ยๆ ตอนแรกสั่งมานิดหน่อย กินๆไปก็มีสั่งเพิ่มจร้าาาาา ติดใจแต่ไม่เงินก็ไม่ติดกระเป๋านะ ฮ่าๆ
ร้านต่อมาชื่อร้าน Sumiyakiya อยู่ในย่าน Roppongi, Tokyo เราเดินลงสถานี(อะไรสักอย่าง) เดิน เดิน เดิน และเดิน เดินเยอะมากกว่าจะเจอ เดินจนท้อ เหนื่อยก็เหนื่อย หิวก็หิว ไอ้บ้าาา คนเรามันต้องทำเพื่ออาหารขนาดนี้เลยหรอว่ะ 7/11 มั้ย? กินข้าวปั้นก็ได้นะ โถ่วววว นี่มาตั้งไกลนะ สุดท้ายก็ยังเดินๆ เดินๆ และเดินๆ เชี่ยยยยย กูอ้อมโลก ร้านอยู่ตรงเนี้ย!!! โอ้ยยยยย โมเม้นตอนเจอร้านนี้แบบ Alhamdulillah!!! เข้าไปในร้านคนก็ค่อนข้างเต็มร้านนะ แต่ส่วนใหญ่ก็คนญี่ปุ่นแหล่ะ เค้าแค่มีเมนูอาหารHalalเฉยๆ ร้านก็เล็กๆตามสไตล์ญี่ปุ่นค่าที่แพง ฮ่าๆ ที่สำคัญพนักงานเสริฟคนเดียว! คือนางทำทุกอย่างในร้านเลยค่ะ ต้อนรับ เสริฟ เช็ดโต๊ะ เดินไปเดินมา น่าร้ากกก บริการดีมากกกกก อาหารอร่อยมากกกก อารมณ์แบบอาหารยุ่นกับเกาหลีอ่ะ มีเสริฟกิมจิมาให้ด้วย เราสั่งเป็น2เมนู เป็นไก่กับเนื้อ เพราะคุนรันไม่กินเนื้อ ดูท่าทางเมนูไก่ก็ปกตินะ แต่เนื้ออร่อยมากกก เชี่ยอ่ะแก แบบนุ่มสุดอะไรสุด คือดีงาม เปนเนื้อที่อร่อยสุดเท่าที่เคยกินเลยก็ว่าได้ค่ะแก โอ้ยยย เนื้อชิ้นใหญ่ มีมันนิดๆ นี่เป็นคนไม่กินมันเนื้อนะ เรายังกินหมดทั้งถาดเลยอ่ะ แบบยิ่งกว่าเลีย โอ้ยยย ดีงาม รัก |
สำหรับร้านนี้เป็นชาบูชาบู~~~ ชื่อร้าน Hanasaka Ji-san ตั้งอยู่ย่าน Shibuya อันโด่งดังใน Tokyo
พวกเรา2คนสาวสวยก็เดินทอดน่องดูคนข้ามถนนกันสักพักนึงแล้วก็ดูเวลาเปิด-ปิดร้าน โอเค ได้เวลาไปกินแล้วค่ะ (ร้านญี่ปุ่นเค้าจะมีเวลาเปิด-ปิดเป็นช่วงๆ สำคัญมาก ต้องเช็คดีๆนะคะ)
การเดินทางร้านนี้เป็นอะไรที่เพลียมาก คือหาเท่าไหร่ก็ไม่เจอ บอกเลยว่างอนร้านนี้มาก แกคิดดูนะคะ มือถือ2เครื่องกับกระดาษA4หนึ่งรีมสำหรับการหาร้านนี้ คือหาจนเพลีย จนเราสองคนพี่น้องอยากจะร้อง แล้วก็แวะพักนั่งถอดใจอยู่แปบนึง เอาว่ะ กินเคบับแถวๆนี้ไม่ก็ข้าวห่อสาหร่ายใน7/11ก็ได้ ชิส สักพักนึงก็เงยหน้า อีเด๋อ!!! ร้านอยู่ตรงหน้า หอยมากค่ะ จะทิ่มหน้าอยู่แล้วเนี้ยโอ้ยยยย คือร้านอยู่ในซอกมากค่ะแก ต้องลงบันไดประมาน10ขั้นแล้วจะเจอร้าน ร้านอยู่ตรงคล้ายๆทาง3แพร่งอ่ะ แล้วคือ โอ้ยยย ทิ่มตาจริงๆอ่ะ เดินผ่านป้ายร้านประมานล้านรอบ เจ็บใจ เจ็บใจ เจ็บใจ พอเข้าไปในร้านก็บริการดีมากกกก เค้าก็มีฝั่งนั่งเคาเตอร์กินซูชิและโต๊ะๆ แล้วคือไม่ได้ book ไว้ เค้าก็แบบตกใจ ก็บอกว่าตอนนี้เค้ามีแค่เนื้อนะ โอเครึป่าว แต่สามารถทำ เท็มปูระกับซาซิมิได้เบาๆ แล้วก็เอาเมนูมาให้ดูและโชว์ว่าเนี้ย ร้านเค้ามีHalalด้วยน้าาา งั้นขอเวลาเตรียมครัวแปบนึงนะครับ เราก็โอเคค่ะ งั้นขอเดินเที่ยวรอบๆแล้วกลับมานะคะ จบปิ้ง กลับมาก็เจอหม้อชาบู เนื้อ เทมปูระ และซาซิมิ โอ้ยยยย น่ารักกก เค้าก็บริการดี๊ดี กินเป็นไหม กินได้ไหม แล้วก็สอนวิธีกิน คือนางทำทุกอย่างยกเว้นป้อนใส่ปาก เคี้ยวๆ กลืน ฮ่าๆ คือน่ารักกกกก อาหารก็อร่อยยย แล้วประเด็นคือแอบเอาน้ำจิ้มพันท้ายไปด้วย เราก็ใส่ในถ้วยเล็กนิดนึงช่ะ เชี่ยแล้วแบบกินน้ำจิ้มไม่หมด เกรงใจมาก ต้องเทน้ำจิ้มเนียนๆใส่หม้อ 555 (สกมก) คือเค้าก็เดินมาดูเรื่อยๆว่าโอเคไหม กินได้ไหม ถูกปากไหม เอาอะไรเพิ่มใหม่ คือเราก็ โอ้ยยยย ไม่ต้องบริการดีขนาดนั้นก็ได้ป่ะ ฮ่าๆ นี่เค้าก็ขอพวกเราถ่ายรูปด้วย บอกว่าขอเอาไปลงในfacebookนะครัช ฮ่าๆ ไอ้เราก็อุส่าดีใจเว้ย ตามไปดูในเพจ...เออไหนว่ะ ฮ่าๆ ก็โอเคนะ เนื้อนุ่มละลายในปาก ลวกๆจิ้มน้ำจิ้มเค้าบ้าง จิ้มพันท้ายบ้าง จิ้มเกลือบ้าง ฮ่าๆ โอ้ย อีเด๋อ แล้วคือมีเกลือชิคๆคูลๆ3แบบเว้ย ราชาติไม่เหมือนกัน มันไม่เค็มเหมือนเกลือเม็ดบ้านเรานะ แต่มันมีกิมมิกตรงกูมากินเกลือที่ญี่ปุ่น ยูโน่วววววววว 555
พวกเรา2คนสาวสวยก็เดินทอดน่องดูคนข้ามถนนกันสักพักนึงแล้วก็ดูเวลาเปิด-ปิดร้าน โอเค ได้เวลาไปกินแล้วค่ะ (ร้านญี่ปุ่นเค้าจะมีเวลาเปิด-ปิดเป็นช่วงๆ สำคัญมาก ต้องเช็คดีๆนะคะ)
การเดินทางร้านนี้เป็นอะไรที่เพลียมาก คือหาเท่าไหร่ก็ไม่เจอ บอกเลยว่างอนร้านนี้มาก แกคิดดูนะคะ มือถือ2เครื่องกับกระดาษA4หนึ่งรีมสำหรับการหาร้านนี้ คือหาจนเพลีย จนเราสองคนพี่น้องอยากจะร้อง แล้วก็แวะพักนั่งถอดใจอยู่แปบนึง เอาว่ะ กินเคบับแถวๆนี้ไม่ก็ข้าวห่อสาหร่ายใน7/11ก็ได้ ชิส สักพักนึงก็เงยหน้า อีเด๋อ!!! ร้านอยู่ตรงหน้า หอยมากค่ะ จะทิ่มหน้าอยู่แล้วเนี้ยโอ้ยยยย คือร้านอยู่ในซอกมากค่ะแก ต้องลงบันไดประมาน10ขั้นแล้วจะเจอร้าน ร้านอยู่ตรงคล้ายๆทาง3แพร่งอ่ะ แล้วคือ โอ้ยยย ทิ่มตาจริงๆอ่ะ เดินผ่านป้ายร้านประมานล้านรอบ เจ็บใจ เจ็บใจ เจ็บใจ พอเข้าไปในร้านก็บริการดีมากกกก เค้าก็มีฝั่งนั่งเคาเตอร์กินซูชิและโต๊ะๆ แล้วคือไม่ได้ book ไว้ เค้าก็แบบตกใจ ก็บอกว่าตอนนี้เค้ามีแค่เนื้อนะ โอเครึป่าว แต่สามารถทำ เท็มปูระกับซาซิมิได้เบาๆ แล้วก็เอาเมนูมาให้ดูและโชว์ว่าเนี้ย ร้านเค้ามีHalalด้วยน้าาา งั้นขอเวลาเตรียมครัวแปบนึงนะครับ เราก็โอเคค่ะ งั้นขอเดินเที่ยวรอบๆแล้วกลับมานะคะ จบปิ้ง กลับมาก็เจอหม้อชาบู เนื้อ เทมปูระ และซาซิมิ โอ้ยยยย น่ารักกก เค้าก็บริการดี๊ดี กินเป็นไหม กินได้ไหม แล้วก็สอนวิธีกิน คือนางทำทุกอย่างยกเว้นป้อนใส่ปาก เคี้ยวๆ กลืน ฮ่าๆ คือน่ารักกกกก อาหารก็อร่อยยย แล้วประเด็นคือแอบเอาน้ำจิ้มพันท้ายไปด้วย เราก็ใส่ในถ้วยเล็กนิดนึงช่ะ เชี่ยแล้วแบบกินน้ำจิ้มไม่หมด เกรงใจมาก ต้องเทน้ำจิ้มเนียนๆใส่หม้อ 555 (สกมก) คือเค้าก็เดินมาดูเรื่อยๆว่าโอเคไหม กินได้ไหม ถูกปากไหม เอาอะไรเพิ่มใหม่ คือเราก็ โอ้ยยยย ไม่ต้องบริการดีขนาดนั้นก็ได้ป่ะ ฮ่าๆ นี่เค้าก็ขอพวกเราถ่ายรูปด้วย บอกว่าขอเอาไปลงในfacebookนะครัช ฮ่าๆ ไอ้เราก็อุส่าดีใจเว้ย ตามไปดูในเพจ...เออไหนว่ะ ฮ่าๆ ก็โอเคนะ เนื้อนุ่มละลายในปาก ลวกๆจิ้มน้ำจิ้มเค้าบ้าง จิ้มพันท้ายบ้าง จิ้มเกลือบ้าง ฮ่าๆ โอ้ย อีเด๋อ แล้วคือมีเกลือชิคๆคูลๆ3แบบเว้ย ราชาติไม่เหมือนกัน มันไม่เค็มเหมือนเกลือเม็ดบ้านเรานะ แต่มันมีกิมมิกตรงกูมากินเกลือที่ญี่ปุ่น ยูโน่วววววววว 555
ร้านอยู่ใกล้กับมัสยิดในเกียวโตเลยค่ะ เดินทางมาง่ายมาก ลงรถไฟ ต่อบัส นับๆสถานีเอา และอีกเช่นเคย หลงค่ะ หาร้านไม่เจอ แต่เจออาการร้านทิ่มตาอีกแล้วววววว คือเราก็ลงบัส เดินทางๆๆๆ ข้ามถนน เดินๆ เดินไปยังบัสป้ายถัดไปอ่ะ แล้วก็ย้อนกลับ อ้าววววหอย!! ร้านอยู่ตรงที่ลงบัสอ่ะแหล่ะ แค่ข้ามถนน ฉลาดดดดด เข้าไปในร้านพนักงานหล่อมากกกกกกกก กรี้ดดดด พ่อค้าแซ่บมากค่ะ อยากสั่ง take away ห่อกลับไทย ฮ่าๆ เมนูก็ออกแนวอาหรับหน่อยๆอ่ะ ฟิวชั่นญี่ปุ่นด้วยมั้ง ร้านเป็นHalal 100% เราสั่งเป็นเมนูปลากับไก่ รสชาติโอเคแหล่ะ กินได้ สำหรับเราเราว่าทั่วๆไป แต่ทีเด็ดคืออิ่มกันแระ จะออกไปละหมาดต่อแต่มองพนักงานแล้วเอ็นดูเลยสั่งของหวานเพิ่ม (อีแรด!!!) ขนมหวานมีให้เลือกเยอะประมานนึง นี่จำไม่ได้แล้วว่าเป็นขนมแนวไหน แต่เราสั่งมา2อย่าง เป็นสีดำกับสีขาว สีดำออกแนวพานาคอตต้า ช็อคโกแลต มีกลิ่นอายอาหรับๆหน่อย ก็เฉยๆ แต่สีขาวนี้นึกไม่ออกว่าคืออะไร อารมณ์แบบมีข้าว ปึกๆ หนึบๆ รสชาติอ่อนๆ แปลกๆดี แต่อร่อย พนักงานก็อร่อย ฮ่าๆ สรุปร้านนี้คือพนักงานดีมาก
ร้าน Sitara ลงสถานี Chibune, Osaka ในส่วนของอาหารปากีฯนั้น... แยกไม่ออกกับอินเดีย ฮ่าๆ เราไปกินร้านนี้เนื่องจากจะไปมัสยิดในโอซาก้าแล้วก็รู้ว่าย่านนั้นมุสลิมค่อนข้างเยอะเลยทีเดียว เท่าที่สังเกตุก็มีอาหาร Halal หลายร้านเลยนะ (ประมาน1-2ร้าน ฮ่าๆ) เดินจากสถานี้มาที่ร้านไม่ใกล้เลยแก ต้องข้ามสะพานยาวนิดหน่อย อารมณ์เหมือนในมังงะเลยอ่ะ แบบเป็นถนนกว้างๆ มีเลนรถแล้วก็เลนคนเดิน เลนคนเดินก็มีคนถีบจักรยานด้วย มันดีมากอ่ะ เพราะโซนนั้นเป็นนอกเมืองแระ กลิ่นอายก็จะ localๆหน่อย เดินพลางถ่ายรูปพลางหิวพลาง เราไปละหมาดที่มัสยิดกันก่อนแล้วก็เข้าไปกินอาหาร ร้านกับมัสยิดห่างกันประมาน2-3นาที คือใกล้ๆกันอ่ะ แต่มัสยิดต้องเข้าในซอยนิดหน่อย. ว่าด้วยเรื่องอาหาร ก็กินได้นะ แบบมีกลิ่นเครื่องเทศค่อนข้างชัดเกินเพื่อไม่ให้ลืมกำพืดความเป็นปากี.... เราสั่งมาเป็นข้าวหมก สลัด ไก่อบ ทะเลย่าง(กุ้งกับปลา) กือบับไก่ และปิดท้ายด้วยโยเกิร์ต ด้วยความที่เราค่อนข้างที่จะเฉยๆกับเครื่องเทศ ผลคือ กินไม่หมดกันจร้าาาาา คือไม่ค่อยถูกปากเท่าไหร่ และเค้าก็เสริฟมาเยอะมากกกก เยอะจนเราบอกว่าเยอะอ่ะแกคิดดู เจ้าของร้านก็ใจดีนะ น่าร้ากกก ยังมาถามอีกว่าเอาอะไรเพิ่มไหม นี่ก็ขี้เกรงใจอ่ะ สั่งชามาเพิ่มด้วย ฮ่าๆ ... ชาที่ได้มาเป็นชาร้อนใส่นมและผงเครื่องเทศ (อ่อออ รู้แล้ว ตอนไปเมกกะเขาชอบเลี้ยงชานี้มาให้กิน ก็ว่าทำไมรสชาติคุ้นๆ จิบจากร้านนี้นี่เอง) |
ร้านนี้เป็นร้านอาหารตือกิช+อิตาเลี่ยน. เราจะบ่นการหาร้านกันก่อน คือจริงๆที่ไปนาโกย่าเพราะคุณรันจะไปตามรอย AKB48 แปบนึงแล้วก็ไปกินร้านนี้อ่ะแก และก็เดินเล่นใต้ดิน ลงทุนมากอ่ะ Orz ฮ่าๆ นี่ก็กินหาร้านแบบแทบพลิกแผ่นดินนาโกย่าหาเลยอ่ะ คือเดินไกลมากกกก อ้อมโลกมาก เหนื่อยมากกก สุดท้ายมันอยู่ต้นซอยที่เราควรจะเข้าไปแต่เราเอิดเดินผ่านไปอีกซอยนึงแล้วก็เดินซอยนั้นจากต้นซอยไปท้ายซอยและเข้าท้ายซอยของร้านอาหารต่อด้วยเดินๆๆๆๆๆๆ เจอแล้ว!! โห้...น้ำตาไหล เอา10นาทีของกูคืนมา!!!
พอเข้าไปร้านร้าน โอ้โห้..... O.o เหมือนในหนังญี่ปุ่นเลยอ่ะ แบบเหมือนนางเอกนัดกินอาหารในร้านอิตาเลี่ยนไรเงี้ยอ่ะแก หรูอลังใช้ได้เลยอ่ะ นางมีเตาอบแบบใช้ฟืนด้วยอ่ะแก คือดีงามมากกก ในร้านตกแต่งดีอ่ะ ที่นั่งจะมีเป็นโซนเคาเตอร์บาร์และโต๊ะปกติ เจ้าของร้านก็เชิญเราไปนั่งตรงเคาเตอร์บาร์เพื่อให้ดูนางพิซซ่าและปิ้งหน้าเตา คือเจ้าของน่ารักมากกก เราพูดได้หลายภาษายกเว้นอังกฤษ แล้วคือเมนูก็เป็นภาษาญี่ปุ่นกับอิตาลี(มั้ง ถ้าจำไม่ผิด) เออ ก็คุยกันไม่รู้เรื่องอ่ะ แต่เค้าก็พยายามจะสื่อสารนะ มีแบบอธิบายเมนูแต่ละอย่างแล้วก็โชว์วัตถุดิบให้ดู น่าร้ากกกกกก แล้วคือก็ให้เออออไปช่ะแก ผชคือ... กินไม่หมด ฮ่าๆ
นางมีแบบ appetizer ต่อด้วย main course ตบท้ายด้วย sweet. คือแก ก็ไม่รู้ช่ะว่าจะแบบนี้ โอ้ยยยยย รู้สึกผิดมากกก แต่เค้าก็รู้ถึงความพยายามของเราสองคนพี่น้อง ฮ่าๆ ราคาจำไม่ได้แต่รู้สึกว่าไม่ได้แพงมากอย่างที่คาดไว้ คือโอเคอ่ะแก ประทับใจมาก ^^
Sama-sama restaurant, Nagoyaกลับสู่ความASEAN มื้อนี้กินอาหารอินโดกันบ้าง รสชาติถูกปากมาก ใกล้เคียงอาหารไทยสุดๆ ไม่มีอะไรจะบ่นเรื่องอาหาร ฮ่าๆ ส่วนอย่างอื่นนี่เยอะะะะ ร้านก็ออกแล้วชวาๆอ่ะแก เออ แล้วชวานี่เป็นไงวะ? ฮ่าๆ ร้านมีโซนนั่งพื้นกับนั่งเคาเตอร์บาร์ ตรงนั่งพื้นนี้ชิคดี เป็นโต๊ะแล้วก็มีหมอนเยอะๆ อธิบายไม่ถูกไม่ได้ถ่ายรูปไว้ เปิดกูเกิ้ลเอาแระกันนะ ฮ่าๆ
ปล.ร้านเค้าก็เสริฟเหล้าเสริฟเบียร์สำหรับลูกค้านะ คือส่วนใหญ่เป็นปกติของร้านในญี่ปุ่นอะเพราะคนญี่ปุ่นกินเหล้าอะนะ เค้าก็ขายตามความต้องการของลูกค้า... #วัลลอฮุอะลัม
ตั้งใจจะเขียนให้จบช่วงวันหยุด สุดท้ายก็หลับยาว ฮ่าๆ นี่แอบเอามาเขียนในที่ทำงาน พอแค่นี้ก่อนเนอะ ยังเหลืออีกหลายเมนูเลยค่ะแก
สำหรับการรีวิว(บ่น)ในครั้งนี้ เราหวังว่าพวกยูจะรับประโยชน์บ้างเนอะ ถ้าไม่ได้เรื่องอาหารอย่างน้อยก็ได้รู้ว่าร้านไหนพ่อค้าแซ่บอะเนอะ ฮ่าๆ บายยยยย ซียาาาาาาา xoxo
ความคิดเห็น