Family Road Trip In Hokkaido ฉบับ Halal

อัสสลามุอะลัยกุม วะเราะมะตุลลอฮฺ วะบะเราะกาตุฮฺ ทุกท่านที่หลงเข้ามาอ่านรีวิวนี้ค่ะ(^コ^)V
วันนี้เราจะมารีวิว Family Road Trip In Hokkaido ฉบับ Halal ให้ทุกคนได้อ่านกันค่ะ 
อย่างที่ทราบกันดีว่าญี่ปุ่นเป็นประเทศแห่งการเดินเท้าและรถไฟ การจะให้คุณพ่อคุณแม่เที่ยวลุยๆเยี่ยงวัยหนุ่มสาวก็เกรงว่าจะเจ็บแข้งเจ็บขาจนงอนไม่ยอมจ่ายค่าทริปให้ซะก่อน เพราะฉะนั้นเราเลยเลือกการเช่ารถในการเดินทางครั้งนี้เพื่อประโยชน์สูงสุดสำหรับทุกฝ่ายค่ะ




ช่วงเวลาเดินทางของทริปนี้คือ 22-26 ตุลาคม 2017 จากการหาข้อมูลได้ความว่าเป็นช่วง Autumn ใบไม้แดงพอดี อากาศอบอุ่นชิลๆประมาณ 10 องศา (ว่าแล้วก็นึกถึงหนังเรื่อง Autumn in my heart น้องอยากขี่หลังพี่ชายดูใบเมเปิ้ลแดงจังเลยค่ะ >///<)

เกริ่นไร้สาระมากพอแล้ว เริ่มกันเลยนะคะ!!! ครั้งนี้เราเดินทางด้วยหางแดง Air Asia X ขึ้นเครื่องจาก KLIA2 ประเทศมาเลเซียเวลา 23.35 ลงสนามบิน Sapporo Shin Chitose เวลา 08.25

DAY 1
ไฟล์ทถึงเช้ามาก มันก็จะมีอาการงัวเงียเมาขี้ตานิดหน่อยค่ะ


ออกจากตม.เลี้ยวขวาจะเจอป้ายบอกทางไปห้องละหมาดด้วยค่ะ (ห้องละหมาดอยู่ชั้น2 ฝั่งอินเตอร์ฯขาเข้า) ห้องละหมาดเป็นห้องโล่งๆไม่มีที่เอาน้ำละหมาดนะคะ สำหรับมุสลิมมะห์แนะนำให้พกตะละกงไปด้วยค่ะ Prayer Room


หลังจากทำธุระนู้นนี้นั้นกันเสร็จเรียบร้อยก็มาเดินโซนร้านอาหารในสนามบินกันค่ะ... เจอร้านอาหารที่มีเมนู Muslim friendly ด้วย

ร้าน Donburi Chaya สาขา New Chitose Airport (どんぶり茶屋 新千歳空港店)


ร้านนี้มี3สาขาในฮอกไกโด คือ สนามบิน, เมืองโอตารุและเมืองซับโปโร
เนื่องจากสาขาในสนามบินเปิด 10.30 นี่ถึงไวไปหน่อยเลยอดค่ะ (แค่เริ่มต้นก็นกแล้วจร้าาาาาา)

Address : Domestic Flight Terminal Bldg. 3F, New Chitose Airport, Bibi, Chitose-shi, Hokkaido 066-0012
Contact : 0123-25-6650 / info@donburi.jp
Website : http://www.donburi.jp/
Time     : Open daily 10:30-20:30 (L.O. 20:00)


หลังจากนั้นก็ย้ายพลไปที่เคาน์เตอร์บริษัทเช่ารถในสนามบินค่ะ เราเช่าของบริษัท Nippon rent a car (ที่เลือกบริษัทนี้เพราะตามรีวิวในพันทิปอีกทีนึงค่ะ ฮ่าๆ) เขาจะมีบัตรคิวให้แล้วก็รอขึ้นรถบัสเพื่อไปบริษัทเขาอีกทีนึง


ขึ้นบัสของจากสนามบินประมาณ10-15นาทีก็จะถึงบริษัทเช่ารถค่ะ เมื่อถึงคิวก็เดินไปที่เคาน์เตอร์เพื่อฟังเจ้าหน้าที่อธิบายเกี่ยวกับรายละเอียดตั่งต่าง พร้อมยื่นใบขับขี่สากล (ใบขับขี่สากลสามารถทำได้ที่กรมการขนส่งใกล้บ้านท่าน เอกสารที่ใช้คือสำเนาบัตรประชาชน สำเนาพาสปอร์ต สำเนาใบขับขี่รถยนต์/มอเตอร์ไซค์ รูปถ่าย2นิ้ว-2ใบ ค่าธรรมเนียม505บาท มีอายุ1ปี) หากมีคนขับหลายคนก็สามารถยื่นใบขับขี่ตามจำนวนคนขับได้เลยค่ะ 
(ขอข้ามรายละเอียดเรื่องการเช่ารถนะคะ เนื่องจากคุณพี่สาวเป็นคนจัดการ เราแนะนำให้ดูในพันทิปจะได้ข้อมูลมากกว่า ฮ่าๆ ส่วนค่าใช้จ่ายรวมทุกอย่าง ประมาณ 40,000 Yen +++ สำหรับ 3วัน)


ด้วยความที่ตอนแรกจองเป็น Subaru แต่เอาเข้าจริงได้ Nissan Serena แบบ7ที่นั่งมา นี่ก็โวยนิดหน่อยแต่ไม่มากเพราะพูดญี่ปุ่นไม่ได้ แต่เขาบอกว่าคันนี้น่าจะโอเคกว่ากับจำนวณคนและปริมาณกระเป๋านะครับ โอเคๆ ยอมก็ได้ 
หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ก็แนะนำป้ายจราจรเบื้องต้นให้และสอนวิธีการใช้ GPS และเซ็ตให้เป็นภาษาอังกฤษ พร้อมให้ไม้กวาดกวาดหิมะให้ด้วย เจ้าหน้าที่บอกว่าอาจไม่ได้ใช้เพราะดูท่าทางแล้วหิมะไม่น่าจะตกเร็วๆนี้หรอก (ผลคือใช้ GPS ไม่เป็น อ่านคู่มือก็ยังงง และหิมะตกระหว่างทาง)




ได้รถมาเรียบร้อยก็พร้อมสำหรับ road trip เด้ออออออ~~~

เริ่มต้นด้วยการเข้าแอพฯ "Halal Gourmet" เพื่อเสิร์ชหาร้านฮาลาลในละแวกเมืองชิโตเซะและสนามบิน ผลคือเจอร้านอาหารอินเดียมีฮาลาลอยู่แถวนี้และห่างจากบริษัทเช่ารถไม่กี่นาทีด้วย กรี้ดดด ท้องร้อง
(แนะนำแอพฯ Halal Gourmet การเดินทางครั้งนี้เราเปิดแอพนี้พอๆกับ google map เลยค่ะ มีทั้งร้านอาหารและสถานที่ละหมาด แถมยังบอกละเอียดด้วย ดีมากเวอร์)


Indian Restaurant THE RAJ ザ・ラージ





ร้าน The Raj เป็นร้านอาหารสไตล์อินเดีย เราสั่ง take away โรตีนานและข้าวหมกบีรยานีไก่กับเนื้อมากินบนรถค่ะ ตัวโรตีนานอร่อยมากกกกกกกกกกกกกกกก เขาอบสดๆในโอ่งหรืออะไรสักอย่าง นุ่มๆกรอบๆ แต่เจ้าบีรยานีไม่ค่อยถูกปากเท่าไหร่ เนื่องจากใช้ข้าวญี่ปุ่นราดด้วยน้ำแกงที่เยอะมาก แกะฝาออกมานึกว่ากินข้าวต้มบูดรสแกงกะหรี่ มื้อแรกหมดไปประมาณ 3,000 เยน

Address : 8-1206-51, Asahicho, Chitose-shi, Hokkaido 066-0043
Contact :  0123-21-9139
Facebook  : https://www.facebook.com/pg/chitose.the.raj.halal/about/?tab=overview
Time : Mon-Fri 11:15-15:00/ 17:00-22:00 Sat,Sun 11:15-22:00


หลังจากนั้นเราก็ออกเดินทางยาวๆประมาณ 2 ชั่วโมงบวกลบเพื่อไปที่เมือง Rusutsu (พนักงานจากที่เช่ารถเซ็ต GPS ให้เรียบร้อยแล้ว) สองข้างทางสวยงามมากกกกกกก ใบไม้เริ่มเปลี่ยนสีเป็นสีเหลืองสีแดง บางจุดจะมีรถจอดข้างทางเพื่อปีนเขา ขุ่นพ่อขุ่นแม่ก็ตื่นตาตื่นใจชมทุกอย่างแม้กระทั่งป้ายบอกทาง (คือทุกอย่างมันน่ารักไปหมดจริงๆค่ะ 555)



ระหว่างทางเจอฟาร์มเลี้ยงนมวัวเล็กๆแถวเมือง Kimobetsu เขามีร้านไอติมน่ารักมาก ชื่อร้าน Takara นอกจากไอติมจะอร่อยแล้ว ลูกเจ้าของร้านก็น่ารักมากด้วยค่ะ #ชี้เป้าพ่อค้าแซ่บ #อายุ6เดือน #เสี่ยงคุกเล็กน้อย




ขับรถเรื่อยๆจนถึงเมือง Rusutsu (เมืองนี้ขึ้นชื่อเรื่องสกีมากค่ะ แต่เนื่องจากช่วงที่เราไปไม่ใช่หน้าหนาว จึงไม่มีหิมะแม้แต่เกร็ดเดียวทำให้กิจกรรมด้านนี้ไม่มีให้บริการ เมืองก็จะเงียบๆหน่อยเพราะไม่ค่อยมีนักท่องเที่ยว) 

เราพักที่กันที่ Villa Rusutsu เป็นวิลล่า1หลัง สำหรับ5คนและอาหารเช้า1มื้อ ได้ราคาโปรฯจาก Agoda คืนละประมาณ 10,000 บาทค่ะ    



เนื่องจากไม่ใช่ช่วง high season ของเมืองแถบนี้ ครอบครัวเราจึงเป็นแขกกลุ่มเดียวของที่พักค่ะ ซึ่งค้นพบว่ามันก็ดีไปอีกแบบเนอะ

ก่อนเข้าพักเราได้เมลล์ไปแจ้งเขาเกี่ยวกับอาหารเช้าล่วงหน้าด้วย นี่เขาก็ตอบมาน่ารักมากพร้อมแนะนำร้านอาหารที่มีเมนูฮาลาลให้ด้วย โอ้ย แค่ตอบอีเมลล์ก็น่ารักแหละ หลงรัก <3


ห้องพักสวยมาก อบอุ่นมาก จัดสรรรพื้นที่ได้เก่งมาก ที่สำคัญมีชั้น2เป็นห้องใต้หลังคาด้วย กรี้ดดดดดด ชิลมากกกกกกกกกก ชิคมากกกก ชอบมากกกกก โอ้ยยยยยย เหมือนที่ดูในหนังในซีรี่ส์เลยค่ะ รัก รัก รัก
และด้วยความที่เป็นแขกกลุ่มเดียวเขาเลยยก Onsen ให้เข้าได้24ชม.เลยค่ะ ซึ่งเราก็มโนว่าเป็น private onsen ซะเลย ฮ่าๆ



บ่ายแก่ๆเรารีบออกไปเที่ยวเก็บบรรยากาศกันที่ Lake Tōya วิวดีงามมาก ใบไม้สีเขียวเหลืองแดงผสมกันอย่างลงตัวพร้อมเงาจากน้ำในทะเลสาบและลมหนาว7องศา โอ้วววว ถ่ายรูป5นาทีฟ้าก็เริ่มมืด ถึงแม้หน้าดิฉันจะด้านแค่ไหนแต่ถ้าอากาศหนาวและมืดขนาดนี้ก็ไม่ไหวนะคะ #รีบเข้าร้านขายของกินรัวๆ





ด้วยความที่มืดไวมากกกก ฟ้าเริ่มมืดตั้งแต่5โมงเย็น (มัฆริบเข้าประมาน 4.4x PM) ก็แอบเสียดายที่ไม่ได้ดูวิวจากมุมอื่น แต่เราก็ไม่ท้อใจค่ะ เพราะเราค้นพบบางสิ่งที่ทำให้ใจเราเต้นรัวได้อีกครั้ง.....




นั่นคือการค้นพบว่าข้าวโพดต้มและโยเกิร์ตอร่อยมากกกกกกก ข้าวโพดหวานมันอร่อย ส่วนโยเกิร์ตคือพีคมากค่ะ ตั้งแต่เกิดมาคิดว่าโยเกิร์ตขวดนี้อร่อยและถูกจริตที่สุดแล้วค่ะ เนื้อเนียนนุ่ม เข้มข้นกว่านมเปรี้ยวแต่เนื้อบางเบากว่าโยเกิร์ตตามท้องตลาด รสชาติไม่เปรี้ยวมากและหอมหวานกำลังดี (หากใครเจอฝากหิ้วด้วยนะคะ)

หลังจากหลบลมหนาวในร้านจนท้องใกล้อิ่ม เราต้องรีบออกจาก Lake Tōya เพื่อทาน dinner ที่ Rusutsu Resort. ความเวอร์วังของ Rusutsu Resort คือนางเป็นทั้งที่พัก,สกี,สวนสนุกและทุกสิ่งอย่างเลยค่ะ ถ้าใครมีโอกาสไปฮอกไกโดช่วงหิมะ สถานที่แห่งนี้ก็เป็นอีกทางเลือกนึงที่ดีเวอร์ค่ะ http://www.hokkaido-rusutsu.com/ ซึ่งเราแค่มาทานอาหาร เพราะฉะนั้นขอรีวิวแค่ห้องอาหารนะคะ จริงๆเขามีหลายห้องอาหารค่ะ และแต่ละห้องก็หรูๆไฮโซๆทั้งนั้นเลย ส่วนห้องอาหารที่มีเมนูฮาลาลคือห้องอาหาร Sekkatie

Japanese restaurant "Sekkatei" - Rusutsu Resort Hotel & Convention



สำหรับเมนู Muslim friendly meal มีให้เลือก2เซ็ตค่ะ คือเซ็ต Halal dinner with beef shabu-shabu (9,504 Yen) และ Halal dinner (5,940 Yen) เราจองเป็นเซ็ต Halal dinner สำหรับ 5 คน (แนะนำให้จองล่วงหน้าอย่างน้อย3วันนะคะ)



มื้อนี้เขาเสริฟแบบไคเซกิ Kaiseki คือเป็นชุดอาหารญี่ปุ่นที่จะเสิร์ฟตามลำดับธรรมเนียมยุ่น เขาก็จะยกมาเสริฟทีละอย่างจนจบคอร์ส มันก็จะดูดีมีชาติตระกูลนิดนึง









ทุกเมนูล้ำค่าสมราคามากค่ะ อร่อยและถูกปากใช้ได้เลย วัตถุดิบดีมาก กุ้งเนื้อหวานเด้ง ปูก็หวานอร่อย เนื้อลายหินอ่อนสวยงาม เจ้าหอยโฮตาเตะก็อร่อยมากกกกกกกกกกกโหญ่มากหวานหอม แต่สิ่งที่ประทับใจที่สุดก็คือข้าวเปล่า ข้าวเม็ดสวยมาก กินเปล่าๆยังหอมหวานเลย โอ้ยย สรุปสั้นคืออร่อยและอิ่มมาก ส่วนค่าเสียหายครั้งนี้รวมเป็นเงิน 29,700 เยน (มื้อนี้แม่เลี้ยง เยส!! รู้สึกชนะ)

Address :  Rusutsu Resort Hotel North Wing 3F 13, Izumikawa, Rusutsu, Abuta, Hokkaido
Contact : 0136-46-3111  / info@rusutsu.co.jp
Time     : 7:00-9:00 / 17:00-21:00 The opening hour will be changed by season.
Website : http://www.hokkaido-rusutsu.com/


DAY 2

เช้าวันที่ 2 กับอากาศ3องศาและฝนจากหางไต้ฝุ่นนี่มันไม่ง่ายเลยค่ะ แต่การจิบชาพร้อมกกตัวอยู่หน้าฮิตเตอร์แล้วมองออกหน้าต่างเพื่อดูสิ่งต่างๆที่อัลลอฮทรงสร้างมันก็ฟินและความคิดตกตะกอนใช้ได้เลยนะเนี้ย


หลังจากทำตัวเป็นนางเอกนิยายแจ่มใสมองวิวสวยๆได้สักพักก็มีเสียงขุ่นแม่บ่นให้รีบแต่งตัวเก็บของเพื่อทานอาหารเช้าและ check out จากที่พัก (ขุ่นแม่คะ!! กว่าจะได้ฟิลนี้นี่มันไม่ง่ายเลยนะ! ขอทดเวลา)


เข้ามาในห้องอาหารก็เจอเตาผิงและคุณฟักทอง นี่อยากได้หม้อและน้ำตาลมาทำฟักทองเชื่อมเหลือเกิน



Croissant เพิ่งอบใหม่ๆอร่อยมากกกกกกกกกกกกกกกกกกก (ก.ไก่ล้านตัว)



เขามีเมนู breakfast ง่ายๆเบาๆแบบที่มุสลิมก็สามารถทานได้  granola+ Hokkaido yogurt และ ไข่ดาว+สลัดผัก


อิ่มจนพุงกางก็ร่ำลาเจ้าของที่พัก(ที่เหมือนสนิทกันมาสิบกว่าปี) สิ่งที่น่ารักมากคือเขายืนรอบั๊ยบายจนลับสายตาในอุณหภูมิ0องศา ฮือออออออ น่ารักเกินไปแล้วนะ เอาเป็นว่าทุกท่านคะ Villa Rusutsu เป็นที่พักที่ท่านคู่ควร....

เรามุ่งหน้ากันต่อเพื่อไปเมือง Otaru ตลอดสองข้างทางก็ยังคงสวยงามเช่นเดิม แต่ที่เพิ่มเติมคืออยู่ดีๆจากเม็ดฝนกลายมาเป็นเกร็ดหิมะซะงั้น กรี้ดดดดดดดดดดดด first snow กับคนรักมันช่างโรแมนติกเหลือเกินค่ะคุณขา.......... (。♥‿♥。)


ระหว่างทางเราผ่านเมือง Niki ซึ่งเป็นเมืองแห่งสวนผลไม้ แต่เนื่องจากวันนั้นฮอกไกโดได้รับหางไต้ฝุ่นมานิดหน่อยทำให้ฝนตกแพลนพังไปตามระเบียบ เราแวะร้านข้างทางเพื่อซื้อขนมนมเนยและผลไม้ โมเม้นนี้คุณนายแม่แฮปปี้มากกกก ชมความเริ่ดของผักผลไม้ไม่ขาดปากเลย ว่าแล้วก็สกิดให้ลูกถ่ายรูปกับป้ายห้องน้ำหน่อย (คุณแม่ฝากบอกว่าไม่ได้อ้วนนะคะ แค่ใส่เสื้อหลายชั้น 555)


หลังจากขับรถมาเรื่อยๆ1-2ชั่วโมงท่ามกลางฝนสลับกับหิมะเราก็ถึงเมือง Otaru สักทีเด้อ... กองทัพต้องเดินด้วยท้อง เราแวะมากินปูขนกันที่ตลาดปลา Nantaru market (ได้รับการแนะนำจากผู้จัดการร้าน Donburichaya) ตลาดมีขนาดไม่ใหญ่มากค่ะ มีทั้งโซนอาหารทะเล,พืชผักผลไม้และหมูเห็ดเป็ดไก่

Nantaru market


สามารถสั่งอาหารแล้วนั่งกินที่โต๊ะได้เลยค่ะ มื้อนี้ได้เจ้าปูขน(4,800 เยน) ปลาหมึก(250 เยน) องุ่น(จากตลาดข้างทางก่อนหน้านี้ 350 เยน) น้ำจิ้มซีฟู๊ด(หิ้วจากเซเว่นที่ไทย)


ปูขนดีมาก คุ้มแล้วกับค่าตั๋วเครื่องบิน ฮ่าๆ


ตามรอยเมะเรื่อง Wakako zake สภาพนางเอกกินมันปูทำไมมันช่างต่างกับเราเหลือเกิน ฮ่าๆ


ซาซิมิปลาหมึกสดและดีงามเหลือเกินค่ะ เนื้อเด้งยิ่งกว่าใส่สารบอแรกซ์


อิ่มท้องก็ต้องอิ่มบุญด้วย ในเมือง Otaru มีมัสยิดแห่งหนึ่งชื่อว่า Al Noor Masjid หรือ Otaru Mosque เป็นมัสยิดที่เพิ่งก่อตั้งเมื่อปี 2008-2009 จากการบริจาคของครอบครัวชาวมุสลิมสามสิบกว่าครอบครัวที่อยู่ในพื้นที่ค่ะ ภายนอกอาจจะดูไม่ใหญ่มากนักแต่ภายในตัวมัสยิดมีการใช้พื้นที่อย่างเป็นสัดส่วนและมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบถ้วนเลยค่ะ

Al Noor Masjid or Otaru Mosque




นอกจากตัวมัสยิดแล้ว มัสยิดอัลนูรมีที่จอดรถด้วยนะคะ(ซื้อที่ดินจากเงินบริจาคเช่นเดียวกัน) ปกติแล้วมัสยิดแห่งนี้จะเปิดเฉพาะช่วงเวลาละหมาดเท่านั้นค่ะ สำหรับนักท่องเที่ยวขาจรถ้าไปแล้วเจอประตูปิดก็สามารถติดต่อเบอร์โทรจากประตูหน้ามัสยิดหรือที่จอดรถได้นะคะ เขาจะมีคนดูแลมัสยิดมาช่วยเปิดให้  ซึ่งครั้งนี้เราอัลฮัมดุลิลละห์มากที่เจอคนดูแลมัสยิดที่จอดรถพอดี เขาเลยพาทัวร์มัสยิดและเล่าประวัติต่างๆของมัสยิดให้ฟัง ว้าวววว



มัสยิดอัลนูรมีทั้งหมด 3 ชั้นค่ะ ชั้นแรก ข้างนอกจะเป็นที่อาบน้ำละหมาดและห้องน้ำชาย เมื่อเข้าไปอีกนิดจะเป็นประตูกั้นเพื่อเข้าโซนผู้หญิงโดยมีที่อาบน้ำละหมาดและห้องน้ำข้างในอีกทีนึงค่ะ
ชั้นสองเป็นโซนละหมาดของคุณผู้ชาย และชั้นสามเป็นที่เรียนอัลกุรอานของเด็กๆ


ขอเมาท์นิดนึงค่ะ คนดูแลมัสยิดที่เราเจอเป็นชาวปากีที่ใจดีมาก เขาดีใจมากที่มีนักท่องเที่ยวได้มาละหมาดมัสยิดที่พวกเขาช่วยกันสร้าง หลังจากที่ทัวร์มัสยิดเล่านู้นนี้นั้นเสร็จก็ใจดีอาสาเป็นไกด์ทัวร์ในเมืองโอตารุให้ด้วย ฮือออออ ใจดีมากกก ฝนก็ตก อากาศก็หนาว นี่ก็ยังใจดีพาไปที่ต่างๆ คุณพ่อดิฉันยกให้เป็น the best moment for this trip เลยค่ะ (ว่าแล้วก็แลกนามบัตรเผื่อเขามีลูกชายโสด Oops!)



Address :  5-4-27 Inaho, Otaru-shi, Hokkaido
Zip        :  047-0032
Contact :  09032373711, 09076447944 / masjidalnoor2009@gmail.com
Website : http://www.noormasjid.com


เมือง Otaru เราพักที่ Sonia Hotel ซึ่งอยู่หน้า คลองโอตารุ หรือ Otaru canal และเลือกห้องที่เป็น canal view ด้วยค่ะ(เนื่องจากคุณแม่จ่าย 555) จองจาก Agoda เจ้าเดิม ราคาห้อง 1คืน/ห้อง ประมาณ 3,xxx บาท และค่าจอดรถ 1,000 เยน


วิวจากหน้าต่างก็ค่อนข้างดูดีเหมาะกับหน้าตาคนพักมากค่ะ...


สำหรับ Dinner คืนนี้เรามาทานกันที่ร้าน Donburichaya Otaru Sakaimachidori (どんぶり茶屋 おたる堺町通店) ซึ่งอยู่ใกล้ landmark อย่าง Otaru canal เพียง 5 นาทีเท่านั้นค่ะ ร้านนี้เป็นร้านเดียวกันกับร้านที่สนามบินค่ะ ด้วยความที่นกจากสาขาสนามบินมาแล้ว เราจะนกซ้ำสองไม่ได้!

Donburichaya Otaru Sakaimachidori (どんぶり茶屋 おたる堺町通店)


ก่อนเดินทางเราได้อีเมลล์ไปจีบผู้จัดการมาเรียบร้อยแล้วค่ะ คุยกันไปมาจนเขาแนะนำที่เที่ยวให้ด้วยค่ะ น่ารักจริงๆ โอ้ยยยยย ดีต่อใจเหลือเกินค่ะคุณหลวง


สาขาเมืองโอตารุมีห้องละหมาดให้ด้วยค่ะ


เมนูมีทั้งเป็น donburi หรือข้าวหน้าต่างๆและ a la carte เราสั่งเป็นข้าวหน้า tokusen, ข้าวหน้า seafood mix steak, ข้าวหน้า scallop, ข้าวหน้า tuna และ ปลาย่าง





โดยรวมแล้วรสชาติดีถูกปากและทานหมดถ้วยเลยค่ะ กุ้งสดหวาน ปลาเนื้อแน่น หอยเยอะและใหญ่พอดีคำ ปลาย่างก็ย่างกำลังดี เนื้อข้าวก็สวยงาม นอกจากอาหารจะอร่อยแล้ว การบริการก็น่ารักมากด้วย หลังจากทานเสร็จจ่ายตังค์เรียบร้อยแล้ว พ่อครัว,พนักงานเสริฟและพนักงานแคชเชียร์ออกมาส่งหน้าร้านด้วยค่ะ ยืนตัวสั่นรอเราเดินออกไปจนลับสายตา ฮือออ น่ารักอีกแล้ว โอ้ยยยย นี่ไง ญี่ปุ่นนี่มันญี่ปุ่นจริงๆ ༼♥ل͜♥༽


Address : 3-24, Sakaimachi, Otaru-shi, Hokkaido 047-0027
Contact : 0134-64-5593 info@donburi.jp 
Website : http://www.donburi.jp/
Time : Open daily except New Year holidays  10:30-20:30 (L.O. 20:00)


ทานข้าวเสร็จแล้วก็มาเดินต้วมเตี้ยมดูวิวที่ Otaru Canal กันสักนิดหน่อยกลับโรงแรมค่ะ สถานที่สวยๆช่างเหมาะกับคนสวยๆเช่นเราจริงๆ คุณก็เห็นด้วยใช่มั้ยคะ? ขอบคุณค่ะ



DAY 3

เนื่องจากโรงแรมอยู่ตรงข้ามกับคลองโอตารุหรือ Otaru canal เราเริ่มเห็นมวลมหาประชาชนกันตั้งแต่อยู่บนห้องพักแล้วค่ะ การจะให้ชมวิวหน้าหน้าต่างมันก็ไม่ได้ฟิลความเป็นนักท่องเที่ยวสิเนอะ งั้นก็ข้ามถนนฝ่าดงถ่ายรูปสวยๆกันดีกว่า....



ทัวร์ลงเยอะมากค่ะ ทั้งชาวญี่ปุ่นไทยจีน อย่างรูปนี้ก็ต่อคิวถ่ายประมาณ3ชั่วโมง(เวอร์ค่ะ)


เอาเป็นว่าเป็นสถานที่ที่สวยงามทั้งกลางวันและกลางคืนเลยค่ะ โรแมนติกเหมาะแก่การควงชินจังมองดูเป็ดว่ายน้ำมากๆเลยค่ะ


ตึกข้างคลองโอตารุจะเป็นร้านรวงต่างๆซึ่งหนึ่งในนั้นคือร้าน LAOX นางเป็นร้านขายของทุกสิ่งอย่างและ tax free ด้วย จากการหาข้อมูลมาเขาบอกว่า LAOX มีโซนของฝากสำหรับมุสลิมด้วย http://www.halalmedia.jp/souvenir-muslim-laoxtax-free/ แต่ยกเว้นสาขานี้ ฮ่าๆ ซึ่งในฮอกไกโดมีโซนของฝากที่ว่านี้ที่ Chitose outletmall rera แถวๆสนามบินค่ะ

ด้วยความที่สาขานี้ไม่มีโซนแยกของฝากมุสลิม เราเลยควักสุดยอดตำรา guidebook ที่ได้จากกลุ่ม Hararu ใน Facebook เมื่อหลายปีที่ผ่านมา สภาพมันก็จะเยินนิดหน่อยเพราะใช้งานจริง(สำหรับผู้สนใจสามารถหาข้อมูลเพิ่มเติมได้นะคะ)


ระหว่างที่เลือกซื้อของฝากพวกขนมนมเนยก็พลิกดูส่วนผสมต่างๆว่ามีพวก non halal บ้างหรือเปล่า สักพักก็มีพนักงานเดินมาช่วยดูส่วนผสมให้ โอ้ยยยย น่ารัก (จากประสบการณ์การซื้อขนมต่างๆทั้งในโตเกียว เกียวโต โอซาก้า นาโกย่าและฮอกไกโด เจอแต่พนักงานน่ารักๆบริการดีทั้งนั้นเลยค่ะ จะว่าไปแล้วถึงแม้ว่าพฤติกรรมการแบบนี้มันจะเรื่องมากเรื่องเยอะไปหน่อยแต่มันก็สบายใจทั้งผู้ให้และผู้รับของฝากเนอะ ถ้าไม่เชื่อลองเอาวิธีนี้ไปทำดูนะคะ อิอิ ꈍ .̮ ꈍ)


สำหรับท่านใดที่ไม่มีคู่มือหรือขี้เกียจค้นคําศัพท์ เราแนะนำแอพฯ google translate คือมัน useful และใช้งานง่ายมากเลยค่ะ ยกตัวอย่างเจ้าน้ำชาสีใส2ขวดนี้นะคะ แค่เปิดแอพฯ เลือก icon กล้องถ่ายรูป แล้วถ่ายคำที่อยากทราบ เขาจะมีให้ระบายตัวอักษรลงไป หลังจากนั้นก็จะโชว์คำแปลมาให้ค่ะ ง่ายมาก มีหลายภาษาให้เลือกด้วย เหมาะกับนักท่องเที่ยวอ่อนภาษาอย่างเรามากค่ะ ฮ่าๆ



ช็อปปิ้งในเมืองOtaruกันหอมปากหอมคอเราก็มุ่งหน้าสู่เมืองSapporoเมืองหลวงของHokkaidoต่อโล้ด เส้นทางจาก Otaru - Sapporo ด้วยรถยนต์โดยการเลี่ยงทางด่วนเป็นสิ่งที่ท้าทายมากค่ะ และด้วยสกิลการใช้ GPS ในรถที่ค่อนข้างต่ำจึงทำให้มีการหลงและงงงวยมากค่ะ (ฝากถึงเหล่าผู้สนใจ road trip ทั้งหลาย เราแนะนำให้เตรียมข้อมูลหรือเงินค่าทางด่วนเยอะๆนะคะ ฮ่าๆ) ระหว่างทางมีโรงงานช็อคโกแลต (Shiroi Koibito Park) แต่อดแวะเพราะเวลาไม่พอ หากท่านใดไปโรงงานช็อคโกแลตเราฝากซื้อช็อคโกแลตด้วยนะคะ (¯﹃¯*)



เรารีบเข้าเมือง Sapporo เนื่องจากจองอาหารไว้ที่ห้องอาหาร Farm to table TERRA ณ โรแรม Art Hotel or Hotel Mystays Premier Sapporo Park ไว้ค่ะ ซึ่งโรงแรมแห่งนี้มีทั้งห้องละหมาดและห้องอาหารที่เสริฟเมนู Muslim friendly


โรงแรมนี้มี 2 ห้องอาหารที่เสริฟเมนู Muslim friendly

1. ห้องอาหาร Hokkai Washo Nakajima เสริฟอาหารญี่ปุ่น มี 2 เวลาให้เลือกคือมื้อเที่ยงและเย็นค่ะ แนะนำว่าให้จองล่วงหน้า3วันนะคะ
Lunch set : http://www.halalmedia.jp/wp-content/uploads/2016/01/0370842db12695efcfe8d6c985bf0fb0.pdf
Dinner set : http://www.halalmedia.jp/wp-content/uploads/2016/01/9ef3f724b634689ab712e2fdef4864b3.pdf

2. ห้องอาหาร Farm to table TERRA เป็นอาหารสไตล์ฟิวชั่น เนื่องจากนานๆทีจะได้มีโอกาสเจออาหารฟิวชั่นเลยเลือกที่นี่มากกว่าอาหารยุ่น อิอิ

 Farm to table TERRA



หาข้อมูลมาเยอะมากเลยเข้าไปจองไว้ในเว็บที่เป็นภาษาญี่ปุ่นล้วน แล้วนี่ดูเมลล์ตอบกลับ อ่อม... google translate รัวๆเด้ออออ


ด้วยความที่กลัวไม่ได้กิน เลยเมลล์ไปให้โรงแรมให้เขาช่วยคอมเฟิร์มอีกครั้งนึง (เรื่องงานจริงจังขนาดนี้มั้ยคะ?!)


สำหรับเมนู Muslim friendly นี้เขามีให้เลือก2ช่วงคือเที่ยงและเย็นค่ะ เราเลือกทานช่วงเที่ยงเนื่องจากราคาถูกกว่า ฟิลคล้ายๆเป็นบุฟเฟ่ต์สลัดผักค่ะ คือท่านละ 980 เยน มีสลัดให้ตักได้ไม่อั้นและเลือกจานหลักเมนคอร์สได้1จาน ในส่วนของจานหลักสำหรับเมนู friendly ส่วนใหญ่ต้องเพิ่มเงินนิดหน่อยค่ะ เนื่องจากวัตุดิบหายากนิสนึง


ผักสลัดยังดูดีเลยอ่ะ




พวกเครื่องเคียงหรือซอสต่างๆก็ระบุส่วนผสมไว้ด้วยค่ะ เผื่อคนทานมังหรือแพ้อาหารบางชนิดก็สามารถเลี่ยงได้เช่นกัน


บรรยากาศเหมือนอยู่กลางป่าไผ่ แอบขุดหาหน่อไม้ดีกว่า










โดยรวมแล้วพืชผักสดหวานและอร่อยค่ะ ส่วนเมนคอร์สเราว่ารสชาติเฉยๆไม่ได้รู้สึกพิเศษอะไรมากนัก อาจเพราะเราเข้าไม่ถึงแก่นของความ"ฟิวชั่น"ก็ได้  แต่ชอบการจัดจานที่ทำให้อาหารดูหรูดูแพงที่มันช่างตรงข้ามกับเงินหนังกระเป๋าเหลือเกินค่ะ ╥﹏╥ ค่าเสียหายมื้อนี้คือ 7,400 เยน 

Address : 2-2-10 Minami9-jonishi, Chuo-ku, Sapporo-shi, Hokkaido 064-0809
Contact: 011-512-3547 / support@mystays.com
Website : https://sapporo-terra.com/index.html /
Time : Daily open  11:30-14:00 and 18:00-22:00


ต่อมาเราก็มาละหมาดกันที่ Sapporo Masjid มัสยิดแห่งนี้อยู่ใกล้มหาลัย Hokkaido ประมาณ 5 นาทีด้วยรถยนต์(ถ้าไม่เสียเวลาหาที่จอดหรือหลงทาง) เนื่องจากอยู่ใกล้มหาลัย ช่วงที่เราไปก็มีนักศึกษาหนุ่มๆเพิ่งละหมาดอัซรีกันเสร็จ จะแอ๊วหนุ่มๆสักหน่อยก็เกรงใจพ่อแม่ เอาเป็นว่าเข้าในมัสยิดกันดีกว่าค่ะ

Sapporo Masjid




มัสยิด Sapporo จะแตกต่างจากที่ Otaru อยู่เล็กน้อยถึงปานกลาง ตัวมัสยิดมี2ชั้นค่ะ ชั้นล่างเป็นโซนผู้ชาย ชั้นบนเป็นโซนละหมาดผู้หญิงและคล้ายๆห้องครัว,ห้องเก็บของ,social room บรรยากาศโดยรวมจะได้ฟิลอบอุ่นๆเหมือนบ้านคุณกินในเรื่องกินทามะเลยค่ะ



Address :  Kita 14 jo Nishi 3 Chome 1-10,Kitaku,Sapporo,Hokkaido-Japan
Zip        :  001-0014
Contact :  011-709-5008
Website : http://www.sapporomasjid.com/


หลังจากละหมาดกันเรียบร้อยเราก็มาจอดรถกันหน้า Hokkaido University เพื่อเข้าชมนักศึกษาหนุ่มๆเอ้ย เพื่อเข้าชมต้นไม้ใบหญ้ากันในมหาลัยค่ะ วินาทีแรกที่มาถึง โอ้โห้.... (O∆O) (สวยมาก?) ป่าวค่ะ คนเยอะมากกกกก


สถานที่จริงสวยมากเลยค่ะ เหล่าใบไม้เขียวเหลืองแดงค่อยๆไล่สีกัน อู้ยยยยยยยยย สวย สวยมากกก สวยกว่าในรูปเยอะมากค่ะ ลองจินตนาการนะคะ อากาศอบอุ่นที่เริ่มหนาวนิดๆ เอามือซุกกระเป๋าเสื้อโค้ทพร้อมยืนมองนักศึกษาเดินกันไปมา แต่แล้วก็มีนักท่องเที่ยวจีนยืนบังวิวพร้อมถุยน้ำลายลงใบไม้แห้ง ปัดโธ่!! หมดกันความโรแมนติกที่อุตส่าห์บิ้วมา...


บรรยากาศดีมากเลยค่ะ ยิ่งมีหน้าเราติดในรูปภาพยิ่งสวยงามมากยิ่งขึ้น..... (❁▿❁*)



หลังจากหยิบใบเมเปิ้ลบนพื้นเก็บไปฝากเพื่อนเรียบร้อยก็ไปหา Ramen อุ่นๆ ปิดท้ายทริปกันค่ะ
จริงๆร้านราเมงที่มีเมนู Muslim friendly มีประมาณ2-3ร้าน แต่เนื่องจากเรามีเวลาเที่ยวใน Sapporo แค่วันเดียวเท่านั้น เราจึงไม่สามารถเก็บได้ทุกร้าน ครั้งนี้เลยหลับตาจิ้มมาทานกันที่ร้าน Fukunoki

Fukunoki Ramen


Fukunoki Ramen เป็นร้านราเมงสูตรมะเขือเทศ โดยน้ำซุปทำจากมะเขือเทศ100% และเส้นราเมงโฮมเมดแบบหนานุ่ม ร้านนี้เสริฟแต่เมนูมังสวิรัติ,ไก่และกุ้งค่ะ









สำหรับร้านนี้เราว่ารสชาติอร่อยใช้ได้เลยค่ะ ตอนแรกคิดว่าน้ำซุปมะเขือเทศจะข้นเหมือนน้ำมะเขือเทศดอยคำ แต่ไม่เลยค่ะ ตัวน้ำซุปอร่อยกลมกล่อมลื่นคอมากค่ะ ยิ่งทานคู่กับเส้นราเมงหนาๆเข้ากันได้ดีเลยค่ะ ที่สำคัญพ่อค้าแซ่บด้วย ฮ่าๆ อ่อ ติอยู่ข้างเดียวคือชามใหญ่ไปหน่อย มื้อนี้อิ่มแบบปลดกระดุมด้วยราคารวมประมาณ 5000 กว่าเยน

Address   :  1F Minami4-jo Unihouse, 10-1004-1, Minami4-jonishi, Chuo-ku, Sapporo-shi, Hokkaido 064-0804
Contact    :  011-511-3055
Facebook : https://m.facebook.com/fukunoki/
Time        : 11:30-21:00 (L.O 20:30) (close on Monday)


DAY 4

วันสุดท้ายแล้ว ฮืออออออ ยังไม่อยากกลับเลย ༼ ༎ຶ ෴ ༎ຶ༽ เราออกจากโรงแรมตั้งแต่ตี 3.30 เพื่อคืนรถและขึ้นเครื่องที่สนามบิน ซึ่งไฟล์ทของเราคือ 9.35 AM ด้วยความที่คุณแม่เป็นคนเตรียมพร้อมมากเลยต้องเผื่อเวลาอย่างน้อย4-5ชั่วโมง จากเมือง Sapporo - Chitose เราเดินทางด้วยเส้นทางด่วน สองข้างทางมืดมาก ไม่เข้าใจว่าทำไมถึงไม่มีไฟข้างถนน เพื่อนร่วมทางก็เป็นรถบรรทุกซะส่วนใหญ่ เราถึงบริษัทเช่ารถกันประมาณตี4กว่า ผลคือทุกอย่างเงียบและมืดสนิท!! คือในเว็บบอกว่าเปิด 24 ชม.ไง คุณแม่คะ!!! เราจะรีบมาทำไมกัน?!?! (ใครจะไปรู้ละ มาก่อนก็ยังดีกว่าตกเครื่องม่ะ? เสียงแม่บ่น) เราเลยหมดหนทางไปรอที่สนามบินก็ได้ เผื่อจะได้มีที่อุ่นๆพัก ปรากฏว่าสนามบินก็ยังไม่เปิดจ้าาาาา เปิดอีกที่ 6.30 AM นี่ก็เพิ่งรู้ว่าสนามบิน Shin-Chitose ไม่ได้เปิด 24 hr. ไหนๆก็ไหนๆแล้วจอดรถรอในที่จอดรถก็ได้ ┐(´д`)┌
รอกันสักพักใหญ่ท้องฟ้าเริ่มสว่าง เหล่าหน่วยงานต่างๆกลับมาเปิดให้บริการอีกครั้ง เราจึงรีบพุ่งตัวเข้าอาคารสนามบินเพื่อหาไออุ่นและรอ check in เพื่อขึ้นเครื่อง..... หมดเวลาสนุกแล้วสินะ เฮ้อ ความสุขทำไมมันสั้นยิ่งนัก


บั้บบายนะเจ้าโดเรม่อน ไว้เรามีโอกาสเราจะขโมยคอปเตอร์ไม้ไผ่บินมาฮอกไกโดอีกนะ ด้วยรัก ˶⚈Ɛ⚈˵


จบแล้วเด้ออออสำหรับ Family Road Trip ที่ฮอกไกโดในครั้งนี้ เนื่องจากเวลาอันน้อยนิดและสภาพอากาศทำให้ได้ชิมกินเที่ยวกันไม่กี่แห่งแต่บอกเลยว่าประทับใจมากค่ะ ถ้ามีโอกาสและมีเงินก็อยากไปอีกหลายๆครั้งค่ะ หากใครมีแพลนไปเที่ยวเราขอเชียร์ฮอกไกโดรัวๆเลยค่ะ หรือถ้าสนใจจังหวัดอื่นในญี่ปุ่นแต่ยังไม่มีข้อมูลHalal เราแนะนำเว็บนี้เลยค่ะ เขารวมข้อมูลทั้งร้านอาหารฮาลาลหรือร้านที่เสริฟเมนู muslim friendly และมัสยิดหรือสถานที่ละหมาดสำหรับชาวมุสลิมไว้ด้วยค่ะ สะดวกสบายเหมาะกับมนุษย์ขี้เกียจอย่างเรามาก Tourist Information for Muslims who visit Japan (อ่อม... นี่ไม่ได้ค่าโฆษณาหรือค่ารีวิวนะคะ เห็นว่าเก๋เลยเอามาฝาก ฮ่าๆ)

อันนี้คือตัวอย่าง guidebook in Hokkaido ค่ะ




ฝากสักนิดสำหรับข้อควรรู้เบื้องต้นสำหรับการใช้รถ/ถนนในฮอกไกโดค่ะ
1. รถในญี่ปุ่นใช้พวงมาลัยทางขวามือเหมือนประเทศไทย
2. GPS สามารถใส่ Destination เป็นชื่อสถานที่, เบอร์โทร และ Code ได้
3. ขณะที่เปิด GPS (ไม่รู้ว่าเหมือนกันทุกคันหรือเปล่า), จะมีการแจ้งเตือนเมื่อมีรถตามหลังด้วยความเร็ว เช่น 'คนสวยจ๊ะ ระวังด้วยน๊ะจ๊ะ มีรถขับไวไล่ตามแกอยู่ ถ้าจะขับเต่าขนาดนี้ก็จอดรถอยู่นิ่งๆดีกว่า' เป็นต้น
4. และ 'ขับรถมานานแล้วน๊ะจ๊ะ ไม่เหนื่อยหรอ พักหน่อยมั้ยคนดี จุ๊บๆ'
5. รถที่เราใช้มีเซ็นเซอร์รอบคัน เวลาขับไม่ตรงเส้นจะมีสัญญาณเตือน ‘ติ๊ดๆๆๆๆๆๆๆๆ’
6. เมื่อไม่มีสกิลการปรับอุณหภูมิไม่ว่าจะแอร์หรือฮิตเตอร์ก็ตาม แนะนำว่าตั้งโหมด Auto เป็นดีที่สุดค่ะ
7. เกือบทุกพื้นที่จะมีการจำกัดความเร็ว  
8. แล้วทำไมไม่มีไฟริมถนน!!
9. แต่มีเสาบอกเขตว่านี่คือขอบถนนน่ะแก (กันไว้กรณีที่หิมะสูงจนมองไม่เห็นถนน)
10. ให้ระวังสัญญาณไฟจารจรคนข้ามถนนด้วยเด้อ (แม้เวลาตี4 สัญญาณไฟก็ยังทำงานอยู่)
11. ระวังกวาง,หมูป่าและกระรอกข้ามถนนด้วยเช่นกัน
12. ไม่ต้องเชื่อเราทั้งหมดก็ได้ แต่แนะนำว่าให้ไปลองสัมผัสด้วยตัวเองเด้อค่ะเด้อ มันดีเวอร์!! ยอมเอาความสวยเป็นประกันเลย!!!


จบจริงๆแล้วเด้ออออ ขอบคุณที่อ่านจนจบนะคะ ไว้เจอกันใหม่เมื่อ admin ยังอนุญาตให้เขียนต่อนะคะ
ღゝ◡╹)ノ♡



ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

รีวิวอาหารฮาลาลในฮ่องกง + มาเก๊าHalal food and Muslim friendly food (in Hongkong + Macau) EP.03 Byคุณนายติ่ง

รีวิวอาหารฮาลาลในญี่ปุ่น Halal food and Muslim friendly food (in Japan) EP.01 By คุณนายติ่ง (ITADAKIMASU)