ETS หนีรัก
สลามคร่าาา~~~
วันนี้เราจะมีรีวิวการนั่งรถไฟความเร็วสู๊งงงงของETSกันนะคะ เจ้าETSเนี้ยเป็นรถไฟของค่ายKTMBในมาเลเชียค่ะ เพิ่งเปิดใช้งานมาไม่กี่เดือน อารีนาคนงามคนนี้เลยมาเปิดซิงสักหน่อย ไหนดูสิว่าจะรวดเร็วตามที่มโนไว้หรือเปล่า อันนี้อย่าไปเทียบกับเจ้าชินคันเซนนะคะ มันคนละรุ่นกันนะยู จากที่นั่งๆอยู่เนี้ย สูงสุดอยู่ที่140km/hr. เรานั่งจาก KL sentral to Padang besar. รอบ11.00-16.35(malaysia time)
ครั้งนี้เป็นการเดินทางคนเดียวค่ะ ก็มีเขินๆบ้างเพราะไม่เคยขึ้นมาก่อน เอาจริงๆก็ยังไม่รู้นะว่าถ้าถึงปาดังแล้วจะกลับบ้านยังไง 5555 แต่ก็เอาว่ะ เนียนๆไปคงถึงที่หมายเอง.
ในส่วนขบวนรถไฟนั้น...ค่อนข้างดีเลยล่ะ ขบวนใหม่ สะอาด ดูดีเลยทีเดียว ที่สำคัญคือหนาวมาก!!!!!!!! เรานั่งที่coach A ไม่แน่ใจว่าเพราะเป็นสถานีปลายทางหรือเปล่า แต่ก็โอเคนะ เป็นcoachสุดท้ายเลย ก่อนขึ้นก็มีหาข้อมูลมาบ้างนิดหน่อยคือ โซนร้านอาหารอยู่ coach C ฮ่าๆ ก็แหมมม 4-5ชม.บนรถไฟก็ต้องมีหิวบ้างเป็นธรรมดาป่ะยู และที่สำคัญห้องละหมาดก็อยู่ข้างๆร้านขายของกินด้วยนะคะ ปล.เค้าห้ามเอาของกินข้างนอกมากินนะ(แต่เราเอาขึ้นมาทั้งน้ำและแซนวิชเลยอะ ฮ่าๆ)
บรรยากาศที่เราได้รับคือแบบfamilyสุดๆอ่ะแก คือข้างๆเป็นเปาะจิที่ชวนคุยตลอดเวลาแม้จะเห็นว่าเราเสียบหูฟังฟังwitcastอยู่ก็ยังทักนู้นนี่นั้น, ข้างหน้าเป็นเด็กผู้หญิงอายุราวประถมปลายก็ร้องอานาชีดให้ฟังในช่วงครึ่งทางหลัง ข้างหลังโบกี้ก็เป็นครอบครัวกลุ่มใหญ่ที่มีลูกเล็กวัยก่อนอนุบาลที่ร้องโวยวายบ้าง หัวเราะบ้าง เล่นซนบ้าง ยังไม่นับคุณเปาะจิอีกท่านที่ดึงสติเรามากที่สุดเพราะแลดูเปาะจิจะสนใจทุกอย่างกับสิ่งประดิษฐ์บนรถไฟจริงๆ โดยเฉพาะเจ้าสิ่งที่เรียกว่าถาดวางอาหาร(?)ที่ตั้งติดหลังเก้าอี้ข้าพเจ้าหรืออยู่ตรงหน้าเปาะจินั้นเอง เปิดปิดๆซะนึกว่าเจ้าถาดเป็นโรบ็อทมีคนเปิดสวิทจนเครื่องรวน.
บนรถไฟก็มีการเปิดหนังให้ดูเรื่องๆนะคะ อย่างตอนนี้ก็ฉายแฮรี่อยู่ เสียงไม่มีนะ แต่มีซับให้อ่านเอา ปล.นางมีปลั๊กไฟและไวไฟฟรีด้วยล่ะ คิคิ (โอเค รอดตายแระ)
มี2อย่างที่อยากฝากไว้นะคะ
1.อย่าดื่มน้ำเยอะ เพราะท่านจะปวดฉี่ และห้องน้ำไม่ได้สวยหรูถ้าพวกท่านต้องแชร์ห้องน้ำกับคนหลายเชื้อชาติอย่างมาเลเชีย
2.หนาวยิ่งกว่าไปสแกนดิเนเวียค่ะ หนาวมากแบบหนาวอ่ะ นี่ขนาดเรามีเสื้อในเสื้อทับ+เกงในเกงทับขายาว ต่อด้วยชุดจูเบาะและผ้าคลุมใหญ่เท่าผ้าละหมาด พร้อมออพชั่นด้วยถุงเท้าเก๋ๆ เรายังไม่ไหวเลยวะคะ 55555 เอาจริงๆนี่พิมพ์ๆ นิ้วก็แข็งนะคะ ความรู้สึกเหมือนเจอหิมะแรกที่อิสตันบูล คือแก ช้านขอถุงมือโหน้ยยยยยยย พลีส!!!.
.
.
และแล้วเราก็ถึงที่หมายอย่างปลอดภัย (อัลฮัมดุลิลละห์) อ้าว แล้วยังไงต่อละ... คุณน้าบอกว่าให้ข้ามสะพานแล้วขึ้นวินมอไซค์เดี๋ยวเขาจะพาไปเอง โอเค ว่าแต่อย่างแรกฉันต้องหาสะพานก่อน อืม....
มีผู้คนประมาณนึง เดินไม่ไกลมากนะ แต่ก็แอบน่ากลัวอยู่นิดหน่อย เพราะจากรถไฟดูเหมือนว่ามีผู้โดยสารลงสถานีปาดังแค่4คน.. แล้วก็เดินทางสะพานแค่2คนถ้วน =[]= นี่เหมือนว่าเราเป็นปลาแซลมอนว่ายทวนน้ำเลยอ่ะ ฮ่าๆ ลงจากสะพานก็จะเจอพี่วินมอไซค์ขี้ม่อ แบบน่ากลัวอ่ะ ถ้าไม่ขึ้นก็เดินไปด่านไทยอย่างไกล ประโยคที่นางแซวเราคือ "ไปไหนน้อง? มาคนเดียว สงสัยยังไม่มีผ.ละสิ เอาเลยๆ" (ฉบับแปลไทย) อันนี้คือบทพูดของวินคนอื่นนะ แต่วินที่เรานั่งก็ดูเป็นมนุษย์สุภาพดีอ่ะ เป็นคนไทยมลายู เราก็ดูเกรงใจดี สักพักถึงด่านมาเลเชีย>ไทย รายรื่นดี ไม่มีปัญหา คือออกนอกประเทศได้ และเข้าประเทศไทยได้ ฮ่าๆ(เรากลัวด่านมาก สาเหตุขอไม่เล่าในครั้งนี้แระกัน ฮ่าๆ) ก็ผ่านพ้นไปด้วยดี พี่วินมาส่งที่คิวรถตู้ปาดัง-หาดใหญ่ เราก็นั่ง... ถึงขนส่งหาดใหญ่ก็นั่งรถตู้จาก หาดใหญ่-ยะลาต่อ ... ถึงยะลา ที่บ้านก็มารับแล้วไปย่านตลาดเก่าเพื่อหาของกิน อ่าาาาห์ ชีวิตดี๊ดี
โดยรวมเราว่าโอเคนะ เจ้าETSพาอารีนาออกจากKLเวลา11.00 ถึงPadang besar 16.45 เลทนิดหน่อยให้อภัยได้ ถ้าเทียบกับขึ้นเรือบิน รวมเวลาเช็คอิน เดินในKLIA2 แล้วก็ถือว่าไม่ต่างกันมาก อาจจะลำบากตรงที่ต้องนั่งรถตู้หลายต่อในไทยนี่แหล่ะ อืม.... ไม่ได้แย่ ถือเป็นอีกทางเลือกที่ดีเลยแหล่ะ
ความคิดเห็น